Digital Soul 🎼🎵🎶
สารภาพตามตรงว่า ตั้งแต่คอนเสิร์ต The Original Jetset’er จบไป ไฟในการแต่งเพลงเล่นดนตรีของผมก็ดูเหมือนจะริบหรี่มอดลง
แรงบันดาลใจในการหยิบจับเครื่องดนตรีขึ้นมาบรรเลงไม่รู้หายไปไหน ... ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ผมคิดวิเคราะห์และสันนิษฐาน
เอ ... หรือว่านี่คือวิกฤตชีวิตวัยกลางคนที่เค้าว่ากัน เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งนึงของชีวิตเหมือนช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตอนสมัยวัยรุ่น เพียงแต่เงื่อนไขในชีวิตซับซ้อนกว่าเดิม
เอ ... หรือว่าเราหมดไฟ เพราะช่วงหลัง ๆ ทำเพลงออกมาแล้ว ผลตอบรับไม่ได้กระแสดีเหมือนเคย เพราะกลุ่มแฟนเพลงที่ชื่นชอบติดตามเรามาตลอดก็มีครอบครัว
มีภาระหน้าที่รับผิดชอบ เงื่อนไขในชีวิตมากมาย ไม่ได้มีเวลามาติดตามผลงานของวงเหมือนแต่ก่อน
เอ ... หรือเพราะเราเองที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทำเพลงเหมือนเดิม เล่นเพลงเดิม ๆ มานานจนชินชา ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน ... ในขณะที่โลกหมุนไป กระแสวงดนตรี ศิลปินรุ่นใหม่ ๆ ก็ถาโถมเข้ามาแทนที่ ซึ่งอันนี้เข้าใจดีอยู่แล้วว่าเป็นสัจธรรม
เอ ... หรือเพราะความสัมพันธ์ของวงเรามาถึงจุดอิ่มตัวกันแล้ว ต่างคนต่างก็มีครอบครัว ภาระหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองมากมาย ไม่ได้มีเวลามาเฮฮาร่วมหัวจมท้ายกันเหมือนเมื่อก่อน
หรือเพราะทุกสาเหตุที่ว่ามาทั้งหมดนั่นแหละ 555
โดยปกติแล้วผมค่อนข้างเป็นคนมองโลกในแง่บวก ไฮเปอร์เสมอมา ... เพิ่งมามีอาการหมดไฟ ท้อแท้ ช่วงหลัง ๆ ตามที่เล่าข้างต้น
ในช่วงเวลามืดมน สับสน ... คนใกล้ตัวที่สัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ได้ไว ก็ไม่ใช่ใคร ... ภรรยาเรานี่เอง เพราะเราปรึกษาคุยกันตลอด
ผมเชื่อว่าบีคงซึมซับเอาความรู้สึกเหล่านี้ไปมากพอสมควร ... มากพอ จนตกผลึกออกมาเป็นบทกวี
หากพรุ่งนี้ตะวันไม่ส่องแสง
คลื่นลมแรงมองไม่เห็นฝั่ง
เมื่อฝูงนกไม่อาจจะบินกลับรัง
แม้ความหวังได้หมดสิ้นไป
หากความฝันได้ถูกทำลาย
เหลือเพียงใจที่แตกสลาย
เมื่อความกลัวครอบงำใจ
มองไม่เห็นหนทางใด
This Too Shall Pass
ผมนั่งอ่านบทกวีของบีแค่รอบเดียว ... ทำนองดนตรีก็ลอยเข้ามาในหัว ไม่รอช้า คว้ากีตาร์อคูสตคิค Atman ตัวเก่งมาสตรัมสร้างคอร์ดโปรเกรสชั่นทันที ( แอบไทร์อินสินค้าเฉ๊ย 555 )
เพียงไม่นาน ... บทกวีของบีจึงกลายเป็นคำร้องที่ผสานเข้ากับท่วงทำนองที่ดังก้องในจิต ผสมจนลงตัว
คว้าไอโฟนเปิดแอป Voice Memos อัดกีตาร์พร้อมร้องไกด์เอง จบงานเดโม่แบบเรียบง่าย
แล้วจินตนาการเรียบเรียงดนตรีในหัวต่อ ดนตรีจะต้องฉีกไปจากเพลงของวงที่เคยทำมาทั้งหมด
จินตนาการเสียงร้องของเจ้าการเวกในท่อนเวิร์สมาจนจบพรีคอรัส บนท่วงทำนองซินธิไซเซอร์ลอย ๆ ฟุ้ง ๆ หลายเลเยอร์
พอถึงท่อนฮุค ... กลองสดส่งเข้ามาพร้อม ดิสทอร์ชั่นกีตาร์และเบสหนักหน่วง ... พร้อมเสียงกรีดร้องเกรี้ยวกราด
จินตนาการถึงเนื้อหาและดนตรีมาถึงท่อนนี้ ... เพลงนี้ต้องฟีทเจอริ่งวงนี้วงเดียวเท่านั้น Slot Machine !!!
ผมชื่นชอบสลอทแมชชีนเป็นการส่วนตัวมานาน ในผลงาน ในอัตลักษณ์อันโดดเด่น ... ไร้กรอบ กฏเกณฑ์
เสียงในหัวใจลึก ๆ บอกว่า ... ถ้าได้ทำเพลงนี้ด้วยกันจริง ๆ ... เพลงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการก้าวข้ามพื้นที่ปลอดภัย ซาวนด์และวิธีคิดงานเดิม ๆ ของวง
อัลบั้มใหม่ มิติที่แปลกใหม่ ไร้พันธนาการ
ส่วนตัวผมกับสลอทแมชชีน ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องดนตรี จิตวิญญาณ ธรรมชาติ ( สำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเหนือธรรมชาติ 555 )
ไปจนถึงประสบการณ์มิติทับซ้อน ( ตอนคุยกันดื่มชาเขียวนะครับ ไม่ต้องสงสัยว่าไปโดนตัวไหนมา 555 )
อาศัยความคุ้นเคยกันตรงนี้ ... ตัดสินใจส่งเดโม่ไปให้แก๊ก มือเบสสุดเฟี้ยวแห่งสลอทแมชชีนฟังเป็นคนแรก ด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ บอกแก๊กว่าตั้งใจอยากทำเพลงนี้กับสลอทแมชชีน
แก๊กตอบกลับมาว่า ... เพลงเท่มากก และจะขอเรียบเรียงต่อให้เลย ... โอ้โห ฟีลมันต้องงี้ดิวะ !!!
จากที่มอดจนริบหรี่ ... พี่นี่ไฟลุก 🔥 ท่วมเลยจ้า
5 เพลงใหม่ ผมใช้เวลาทำจนจบมาสเตอร์ในเวลาสองเดือน ช่วงโควิดกำลังพีคนั่นแหละครับ
ทั้งหมดทั้งมวล ... อยากขอบคุณ
Nicha Srinakarin ภรรยาสุดที่รัก สำหรับกำลังใจ กำลังกาย คอยอยู่เคียงข้างไม่ว่าผมจะดีหรือร้ายขนาดไหน ... ขอบคุณบทกวีแห่งความหวัง ที่เปลี่ยนให้ความท้อแท้กลายเป็นพลัง เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมกับวงทำอัลบั้มนี้จนสำเร็จ
ขอบคุณสลอทแมชชีนSlot Machine แก๊ก เฟิด วิทย์ ที่ให้เกียรติมาร่วมสร้างเพลงนี้ด้วยกัน รวมถึงชนม์ น้องชายแก๊กที่มาช่วยเรียบเรียงด้วยนะครับ ... เป็นการทำงานที่เอนจอยประทับใจมากมายจริง ๆ
ขอบคุณวงเจตเซตเตอร์ เจ้าการเวกทีเจท T Jetset'er และพ่อเทพบุตรหมูเจท Moo Jets ที่เข้าใจและสนับสนุนไอเดียใหม่ ๆ ไปด้วยกันในอัลบั้มนี้
ขอบคุณจารติ ... สำหรับกลองสดชุดอลังการและซาวนด์อันยิ่งใหญ่ สะใจจริง ๆ
ขอบคุณสไตล์ลิสคนเก่ง PILA Studio เจ้าประจำ สำหรับคอสตูมเก๋ เท่ ล้ำยุคทุกลุคที่บรรจงสร้างสรรค์มาให้ ประทับใจเสมอ ... ขอบคุณพี่โต้ง พี่ชายใจดีที่มาช่วยดูแลลุคของพวกเราที่กองถ่ายทุกงาน
ขอบคุณฟ้าใหม่และทีมผู้บริหาร GMM Grammy ที่ยังเชื่อมั่น ให้โอกาสเราได้ทำอัลบั้มตามแบบที่วงอยากทำจริง ๆ เสมอมา ... ใครว่าค่ายใหญ่จะใช้กฏเกณฑ์มาครอบศิลปิน ... ก่อนจะตัดสิน กรุณาเปิดใจฟังให้ครบทั้งอัลบั้มนะครับ
ขอบคุณพี่อามและทีมค่ายไวท์มิวสิค WhiteMusic Gmm พี่นัน อ๊อฟ มี่ พี่ทราย พี่อี๊ดจี้ พี่เก๋ พี่แหม่ม วิป จ๋า รวมถึงทีม gmmd เก๋และทีมมาร์คอมที่รักทุกคน สำหรับการสนับสนุนทุกสิ่งอย่าง ... พวกเราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ เอาใจใส่และปราถนาดีต่อวงตลอดมา
ขอบคุณพี่พีท Pete Tanskul ซาวนด์เอนจิเนียร์สำหรับการยกระดับงานเพลงอัลบั้มนี้ให้ออกมาน่าประทับใจมากมาย ... ขอบคุณที่เข้าใจและตามใจความเยอะในรายละเอียดของผมนะครับ
ขอบคุณเป๋ง Peng Chanon Dogkillmen และทีมสุดยอดอาร์ตได ตัวเจ็บแห่งยุคสมัย สำหรับลุคใหม่ โลโก้ใหม่ของวง อาร์ทเวิร์คสุดมันส์ เท่ เฟี้ยวฟ้าว สะใจ ... มิติใหม่ของวงที่แท้ทรู
ขอบคุณบิน ผกก. เอมวีเพลงนี้ และทีม happy land สำหรับเอมวีเท่ ๆ สวย ๆ โลเคชั่นถึง ๆ Apocalypse สมจริงมากมาย 555
สุดท้าย ... อยากขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงย่อหน้านี้ ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำเพลง สร้างเสียงดนตรีไปอีกนานแค่ไหน ... รู้แค่ว่า ผมกับวงมีเท่าไหร่ เราใส่กันสุดจริง ๆ กับอัลบั้มนี้
โดยเฉพาะเพลงนี้ ... เพลงที่ผมรักมากที่สุดในอัลบั้ม
บทกวีแห่งความหวังและกำลังใจ ... ไม่ว่าชีวิตจะต้องเผชิญกับวิกฤติ ปัญหา อุปสรรคนานัปการแค่ไหน
ร้องบอกหัวใจ ... จดจำไว้ จงมีหวัง
อย่าหยุดยั้ง ก้าวเดินต่อไป
this too shall pass
Theo Ojets Theory